Saturday, 12 January 2013

อ่านดูครับดีมากครับ


ลองอ่านดูครับดีมาก



คุณ…เหยียดสีผิวหรือเปล่า?

เมื่อไม่กี่วันก่อนดิฉันมีโอกาสคุยกับเพื่อนคนหนึ่งเกี่ยวกับการไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน หรือเข้ารวมโครงการประเภท work and travel ต่างๆ ที่กำลังๆ ได้รับความนิยม เนื่องจากดิฉันเคยเรียนทั้งในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยนานาชาติ

เพื่อนคนนี้จึงอยากทราบว่าชาวต่างชาติ(ตะวันตก)เท่าที่ดิฉันเคยเจอนั้น มีการเหยียดผิว หรือ เชื้อชาติหรือไม่ จากนั้นเพื่อนก็ให้ link มาให้ดิฉันอ่าน ส่วนมากเป็น blog ของคนไทยที่อยู่หรือเคยอยู่ต่างประเทศ และเจอกับการเหยียดผิวและเชื้อชาติhttp://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2007/10/H5917612/H5917612.html
http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2006/03/H4203217/H4203217.html
http://dek-d.com/board/view.php?id=838447

ดิฉันก็ตอบไปตามความเป็นจริงว่า จากประสบการณ์ในโรงเรียน และมหาวิทยาลัย ที่เคยมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ที่นี่ หรือนักเรียนแลกเปลี่ยนนั้น ดิฉันไม่เคยเจอประสบการณ์เช่นนั้นแม้แต่ครั้งเดียว แต่ที่เคยโดน คือโดนคนไทยเหยียดมากกว่า

แน่นอนเราทราบกันดีว่าการเหยียดสีผิวในต่างประเทศบางที่นั้น มีความรุนแรงพอสมควร ถึงขั้นมาการลงไม้ลงมือก็เคยได้ยิน ถ้าเราจะเดินทางไปในประเทศหรือพื้นที่นั้นๆ ก็ควรมีการเตรียมตัวให้ดี เพียงแต่มันฟังดูประหลาดที่คนไทยจะพูดต่อว่าชาวต่างประเทศ เสมือนว่าในประเทศไทยเองไม่มีแนวคิด หรือพฤติกรรมที่ไปในทางนั้นเช่นกัน หรือถ้าภาษาอังกฤษเรียกกันว่า "Hypocrisy" แน่นอนเราทุกคนเคยได้ยินคำว่า "ไอดำ ไอลาว ไอแขก" และอื่นๆ แล้วถ้าสิ่งนี่ไม่ใช่การเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ แล้วมันคืออะไร ถ้าคุณพูดสิ่งเหล่านี้ในประเทศ อเมริกา อังกฤษ หรือ ยุโรป (ที่เราว่าเขาเหยียดผิว) มีหวังติดคุกหัวโตแน่นอน ดิฉันเคยคุยกับเพื่อนๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคำตอบที่ได้ก็คือว่าคำพูดเหล่านี้เป็นการพูดเล่น แต่มาคิดๆ ดูดิฉันไม่ค่อยจะเข้าใจว่าความตลกมันอยู่ตรงไหน หากคุณเป็นคนที่โดนใช้คำพูดเช่นนี้กับตัว





เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนไทยจึงกลัวดำเป็นชีวิตจิตใจ แน่นอนทุกคนมีสิทธิที่จะมีความชอบส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่มันกลายเป็นเรื่องไม่ปกติ ก็ต่อเมื่อคุณทำให้คนกลุ่มหนึ่งเสียความรู้สึก หรือรู้สึกด้วยกว่า เพียงเพราะมีสีผิวที่เข้มกว่า ด้วยคำพูดที่เรียกกันว่า "การล้อเล่น" มันสมควรแล้วหรือ ที่จะเอาเชื้อชาติ หรือความเป็นคนของคนๆ หนึ่ง มาล้อเลียน

ในต่างประเทศอาจมีการเหยียดสีผิว แต่ในขณะเดียวกันก็มีความพยายามป้องกันโดยใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นวิธีการแสดงจุดยืนของประเทศนั้นๆ แน่นอนประชาชนบางกลุ่มเปลี่ยนได้ยาก แต่อย่างน้อยก็มีความพยายามทำให้คนเข้าใจว่า การทำเช่นนั้นไม่ถูก แต่ในประเทศเรา ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่คนชอบล้อเลียนกันมากที่สุดสิ่งหนึ่ง แนวคิดนี้เห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย โดยที่คนส่วนมากอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าสิ่งที่ตนทำ ก็เป็นการเหยียดสีผิวแบบหนึ่งนั่นเอง เมื่อคราวเรียนอยู่ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยนานาชาติ ต้องขอบอกตามความจริงว่านานๆ ทีจริงๆ ที่จะได้ยินคำพูด หรือกิริยา ที่ไปในทางต่อว่าคนผิวคล้ำ คนไหนสวยก็ชมว่าสวย ไม่ว่าจะผิวสีอะไรก็ตาม รวมทั้งนักเรียนไทยเองก็ดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับบรรยากาศนานาชาติ แต่ขณะนี้ ที่ดิฉันกำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต นานๆ ทีที่จะไม่ได้ยินใคร "ล้อ" ใครว่า "ดำ" หรือใช้คำพูดอื่นๆ ในการสื่อถึงความแตกต่างของสีผิว





ไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อนสนิทของดิฉันสองคนเอาแขนมาเทียบกัน แล้วคนที่ขาวกว่าก็บอกว่า "เราขาวกว่าเธออีก" ด้วยน้ำเสียงดีใจ ส่วนอีกคนก็บอกว่า "แย่แล้ว" พอไปช็อปปิ้งกับเพื่อนผู้หญิง สิ่งหลักๆ ที่เพื่อนๆ จะถามคือ "ตัวนี้ใส่แล้วดำไหม" เพราะว่าถ้าใส่แล้วดำสวยแค่ไหนก็คงไม่ซื้อ โฆษณาครีม whitening ต่างๆ ก็สื่อออกมาอย่างโจ่งแจ้งมากว่า พอผิวคล้ำผู้ชายไม่สนใจ แต่พอทาให้ขาวแล้วผู้ชายมาหลงใหล ทุกคนดูเหมือนจะ "บ้าความขาว" ซึ่งยังพอรับได้ในตัวมันเอง ตราบใดที่คุณไม่ดูถูกคนคนอื่นในเวลาเดียวกันและไม่มีการยึดติดว่าคนขาวกว่า ต้องสวยกว่า หรือ ดีกว่า และอื่นๆ

สิ่งที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ประชากรไทยก็ยังมีอยู่มากที่ผิวคล้ำ ดังนั้นคนเหล่านี้ถูกเพื่อนร่วมชาติกันเองดูถูกและล้อเลียนอยู่บ่อยๆ ในสยามเมืองยิ้มแห่งนี้ แล้วจะเอาอะไรกับคนต่างชาติที่มาเหยียดเรา

สรุปแล้ว…คุณเหยียดสีผิวหรือเปล่า…ถ้าใช่ก็ยังไม่สายเกินที่จะเปลี่ยนความคิดไปในทางที่ดีกว่า

นศพ. อลิษา สัจจเทพ
ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

No comments:

Post a Comment